Home / blog / 7 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ สำหรับร้านคาเฟ่ ที่ช่วยเพิ่มยอดขาย 3 เท่า

7 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ สำหรับร้านคาเฟ่ ที่ช่วยเพิ่มยอดขาย 3 เท่า

หัวข้อเนื้อหา

7 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ สำหรับร้านคาเฟ่

สำหรับร้านคาเฟ่ที่ต้องการขยายฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างแบรนด์ให้น่าจดจำ ต่อไปนี้คือ 7 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ทำได้จริง เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายวัยทำงานอายุ 20-40 ปี ใช้งานโซเชียลเป็นประจำ และมีกำลังซื้อ พร้อมแล้วลุยกันเลย!

แบรนด์ต้อง “จดจำได้” ภายใน 5 วินาที
แบรนด์ต้อง “จดจำได้” ภายใน 5 วินาที

☕ 1. แบรนด์ต้อง “จดจำได้” ภายใน 5 วินาที

กลยุทธ์ “แบรนด์ต้องจดจำได้ภายใน 5 วินาที” คือการออกแบบภาพลักษณ์ของร้านให้มีเอกลักษณ์ สื่อสารชัดเจน และโดนใจกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่แรกเห็น โดยใช้หลักการ “เรียบ ชัด โดน” ไม่ว่าจะเป็นชื่อร้าน โลโก้ สีหลัก หรือสโลแกน ทุกองค์ประกอบต้องทำงานร่วมกันให้ลูกค้ารู้สึกว่า “ร้านนี้มีสไตล์” และ “น่าจดจำ”

ตัวอย่าง: คาเฟ่ชื่อ “กาแฟลุงเหน่ง” ใช้ธีมย้อนยุค สีโทนอบอุ่น โลโก้เป็นรูปชายแก่ใส่หมวกปีกกว้างกำลังยิ้ม พร้อมสโลแกน “กาแฟแท้…จากลุงผู้เข้าใจชีวิต” ภาพทั้งหมดนี้สื่อความรู้สึกอบอุ่นจริงใจ และแตกต่างจากร้านคาเฟ่ทั่วไปที่เน้นความโมเดิร์น

ทุกโพสต์ในโซเชียลมีเดียของร้านจะมีโลโก้และโทนสีเดียวกัน ใช้ฟอนต์วินเทจที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อลูกค้าเห็นโพสต์ก็รู้ทันทีว่าเป็นร้านลุงเหน่ง ไม่ว่าจะใน Facebook, Instagram หรือเดลิเวอรี่แอป สิ่งเหล่านี้ช่วยสร้าง “ภาพจำ” และความเชื่อมโยงกับแบรนด์ ทำให้ร้านกลายเป็น Top of Mind เมื่อลูกค้าคิดถึงกาแฟในวันต่อ ๆ ไป นี่คือพลังของการทำแบรนด์ให้จดจำได้ภายในไม่กี่วินาที

Social Media Strategy (โพสต์ให้ถูกจริต)
Social Media Strategy (โพสต์ให้ถูกจริต)

???? 2. Social Media Strategy (โพสต์ให้ถูกจริต)

กลยุทธ์ Social Media Strategy (โพสต์ให้ถูกจริต) คือการสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ ความชอบ และพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศวัย 20-40 ปี ที่ใช้เวลาอยู่บนโซเชียลมีเดียเป็นประจำ การโพสต์ต้องมีทั้งความ “สวยงาม ดึงดูด และมีอารมณ์ร่วม” เพื่อให้คนอยากกดไลก์ แชร์ หรือแคปเก็บไว้

ตัวอย่างการโพสต์ที่ถูกจริตกลุ่มเป้าหมาย:

  • Instagram / Facebook: โพสต์รูปเมนูกาแฟที่ตกแต่งสวยงาม พร้อมแคปชันโดนใจ เช่น “ลาเต้แก้วนี้…ช่วยฮีลใจในวันประชุมหนักๆ ☕” พร้อมแท็กมุมถ่ายรูปในร้านเพื่อชวนให้ลูกค้าอยากมาเช็กอิน
  • Reels / TikTok: ลงคลิปเบื้องหลังการทำเมนูพิเศษ เช่น “อเมริกาโน่น้ำผึ้งของเราทำยังไง?” หรือคลิปรีแอคจากลูกค้าที่ชิมแล้วบอกว่า “มันดีย์มาก!”
  • โพสต์ช่วงเวลาที่คนใช้งานสูง: เช่น เวลา 7.00-8.30 น. และ 17.30–20.00 น. เพื่อให้โพสต์มีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น

การโพสต์ที่ “ถูกจริต” จะช่วยสร้างความผูกพัน ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจเขา และเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อหรือมาเยือนร้านอย่างต่อเนื่อง

 

ยิงโฆษณา Facebook + Instagram Ads
ยิงโฆษณา Facebook + Instagram Ads

???? 3. ยิงโฆษณา Facebook + Instagram Ads

กลยุทธ์ ยิงโฆษณา Facebook + Instagram Ads เป็นวิธีที่ช่วยให้ร้านคาเฟ่เข้าถึงลูกค้าใหม่ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศวัย 20-40 ปีที่ใช้โซเชียลมีเดียทุกวัน การยิงโฆษณาต้องมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัด เช่น เพศ อายุ ความสนใจ และพื้นที่ใกล้ร้าน (เช่น รัศมี 3-5 กม.) เพื่อให้คนที่มีโอกาสแวะร้านจริง ๆ ได้เห็นโฆษณา

ตัวอย่างกลยุทธ์การยิง Ads ที่ได้ผล:

  • กลุ่มเป้าหมาย: เพศชาย-หญิง อายุ 22–40 ปี ทำงานในกรุงเทพฯ สนใจ “กาแฟ คาเฟ่ อาหารกลางวัน ของหวาน”
  • งบประมาณ: เริ่มต้นวันละ 300 บาท
  • รูปแบบโฆษณา:
      • แบบรูปภาพ: แสดงเมนูเด่น เช่น “ลาเต้น้ำผึ้ง + ครัวซองต์ เพียง 120 บาท” พร้อมข้อความจูงใจ
      • แบบวิดีโอ: คลิปรีวิวจากลูกค้า หรือเบื้องหลังการทำเมนูพิเศษ
      • แบบรีมาร์เก็ตติ้ง: ยิงโฆษณาซ้ำไปยังคนที่เคยดูเพจหรือเคยมีส่วนร่วมกับโพสต์

หัวใจของการยิง Ads คือการ “ทำภาพและข้อความให้โดนใจ” สั้น กระชับ เห็นแล้วอยากคลิก เช่น “พักเที่ยงนี้ อย่าปล่อยให้ใจว่างเปล่า แวะจิบลาเต้กับเราได้นะ!” เพื่อกระตุ้นให้คนตัดสินใจภายในไม่กี่วินาที

สร้างโปรโมชั่นจูงใจ + ระบบสะสมแต้ม
สร้างโปรโมชั่นจูงใจ + ระบบสะสมแต้ม

???? 4. สร้างโปรโมชั่นจูงใจ + ระบบสะสมแต้ม

กลยุทธ์ สร้างโปรโมชั่นจูงใจ + ระบบสะสมแต้ม คือวิธีการกระตุ้นให้ลูกค้า “ตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น” และ “กลับมาใช้บริการซ้ำ” อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดร้านคาเฟ่ที่มีคู่แข่งจำนวนมาก การมีโปรโมชันที่คุ้มค่าและระบบสะสมแต้มที่เข้าใจง่าย จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าการซื้อกาแฟที่ร้านนี้ “ได้มากกว่าแค่กาแฟ”

ตัวอย่างโปรโมชั่นจูงใจ:

  • ซื้อเครื่องดื่ม 1 แก้ว รับส่วนลด 50% สำหรับแก้วที่ 2 (เหมาะกับกลุ่มลูกค้ามาเป็นคู่)
  • โปรวันจันทร์ “Morning Boost” ซื้อเมนูลาเต้แถมคุกกี้ฟรี 1 ชิ้น เฉพาะ 7.00–10.00 น.
  • เมนูประจำเดือน ลดเหลือ 79 บาท จาก 90 บาท เพื่อกระตุ้นให้ลองเมนูใหม่

ระบบสะสมแต้ม:

  • สะสมผ่าน QR CODE บน LINE OA หรือการ์ดสะสมแต้ม
  • ซื้อครบ 5 แก้ว ฟรี 1 แก้ว / หรือครบ 10 แต้ม รับเมนูพิเศษฟรี
  • แต้มมีวันหมดอายุ (เช่น 60 วัน) เพื่อกระตุ้นการกลับมาในเวลาสั้น

ตัวอย่าง: ลูกค้าซื้อกาแฟลาเต้ 90 บาท ได้ 1 แต้ม สะสมครบ 5 แต้ม รับฟรีเมนู “ลาเต้เย็นไซส์ใหญ่” หรืออัปเกรดแก้วฟรี

ระบบนี้จะช่วยสร้างพฤติกรรมให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และยังใช้เป็นช่องทางการตลาดเพิ่มเติม เช่น ส่งแจ้งเตือนผ่าน LINE ว่า “เหลืออีก 1 แต้ม รับฟรีทันที!” กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อทันทีในวันถัดไป

เพิ่มยอดจากลูกค้าใหม่ผ่านเดลิเวอรี่
เพิ่มยอดจากลูกค้าใหม่ผ่านเดลิเวอรี่

???? 5. เพิ่มยอดจากลูกค้าใหม่ผ่านเดลิเวอรี่

กลยุทธ์ เพิ่มยอดจากลูกค้าใหม่ผ่านเดลิเวอรี่ คือการใช้แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ เช่น GrabFood, LINEMAN, Robinhood หรือ Foodpanda ให้เป็นช่องทางเข้าถึงลูกค้าใหม่ที่อาจไม่รู้จักร้าน แต่พร้อมสั่งเมื่อเห็นเมนูหรือโปรโมชันที่ดึงดูดใจ

หัวใจของกลยุทธ์นี้คือ “รูปต้องน่ากิน เมนูต้องชัด โปรต้องคุ้ม” เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะตัดสินใจใน 5–10 วินาทีหลังจากเลื่อนดูแอป

ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริง:

  • จัดเมนูเซ็ตสุดคุ้ม เช่น “ลาเต้เย็น + ครัวซองต์ เพียง 109 บาท”
  • ตั้งชื่อเมนูให้น่าสนใจ เช่น “อเมริกาโน่ตื่นเต็มตา” หรือ “คาปูชิโน่บูสต์ใจ”
  • ใช้รูปภาพถ่ายมุมสวย สีสันสด พร้อมพร็อปน่ารัก เพื่อดึงดูดสายไถแอป
  • เข้าร่วมโปรโมชันของแพลตฟอร์ม เช่น ลูกค้าใหม่ลด 30%, ส่งฟรีในระยะทาง 3 กม.
  • ใช้ข้อความแนะนำร้านที่ชัดเจน เช่น “คาเฟ่สุดอบอุ่นในย่านอารีย์ เมนูโฮมเมดทุกแก้ว”

กลยุทธ์นี้จะช่วยให้ร้านได้ลูกค้าหน้าใหม่ที่ไม่เคยรู้จักร้านมาก่อน และหากประทับใจในรสชาติหรือแพ็กเกจจิ้ง ก็มีโอกาสสูงที่จะกลับมาสั่งซ้ำหรือติดตามร้านผ่านโซเชียลมีเดียในภายหลัง

ปั้น Influencer สายคาเฟ่
ปั้น Influencer สายคาเฟ่

???? 6. ปั้น Influencer สายคาเฟ่

กลยุทธ์ ปั้น Influencer สายคาเฟ่ คือการร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลที่มีผู้ติดตามตรงกับกลุ่มเป้าหมายของร้าน เพื่อช่วยโปรโมตร้านให้เป็นที่รู้จัก และสร้างความน่าเชื่อถือผ่านรีวิวจริงจากคนที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้ติดตาม โดยเฉพาะกลุ่ม Influencer สายคาเฟ่ สายกิน หรือไลฟ์สไตล์ ที่ผู้ติดตามมักชอบตามรอยรีวิว

ตัวอย่างการใช้กลยุทธ์นี้:

  • เลือก Micro Influencer ที่มีผู้ติดตาม 5,000–20,000 คน และมี Engagement สูง เช่น มีคนคอมเมนต์-แชร์บ่อย
  • เชิญมาที่ร้านแบบ Soft Collaboration เช่น “รีวิวฟรี + เครื่องดื่มฟรี 2 เมนู” หรือ “จ่ายเพียงครึ่งราคา แลกกับคอนเทนต์ 1 โพสต์ + 1 Story”
  • ขอให้ Influencer ถ่ายภาพหรือวิดีโอมุมที่สวยที่สุดของร้าน พร้อมรีวิวความรู้สึกจริง เช่น “ร้านบรรยากาศดี กาแฟหอมมาก มุมถ่ายรูปเพียบ”
  • แชร์รีวิวของ Influencer บนเพจร้านและยิงโฆษณาต่อเพื่อขยายการเข้าถึง

การใช้ Influencer จะช่วยสร้างกระแส ให้คนเริ่มพูดถึง และทำให้ร้านดู “เป็นที่นิยม” โดยไม่ต้องใช้การขายตรง ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ให้มาเยือนได้จริง

ดึงลูกค้ากลับมาด้วย LINE OA
ดึงลูกค้ากลับมาด้วย LINE OA

???? 7. ดึงลูกค้ากลับมาด้วย LINE OA

กลยุทธ์ ดึงลูกค้ากลับมาด้วย LINE OA เป็นวิธีการรักษาฐานลูกค้าเก่าให้กลับมาซื้อซ้ำอย่างสม่ำเสมอ ผ่านการสื่อสารแบบส่วนตัวที่รวดเร็ว เข้าถึงง่าย และตรงใจ LINE OA จึงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากสำหรับร้านคาเฟ่ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ใช้ LINE เป็นประจำทุกวัน

ตัวอย่างกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริง:

  • เชิญลูกค้าแอด LINE OA โดยให้สิทธิพิเศษ เช่น “แอดไลน์วันนี้ รับคูปองลด 10 บาท”
  • ส่ง Broadcast แจ้งเมนูใหม่ โปรพิเศษ หรือกิจกรรมในร้าน เช่น “ลาเต้ร้อนลด 20% เฉพาะวันนี้เท่านั้น!”
  • ตั้งข้อความอัตโนมัติให้ดูเป็นกันเอง เช่น “สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับสู่คาเฟ่เรา มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
  • ทำระบบสะสมแต้มใน LINE เช่น ซื้อครบ 5 แก้ว รับฟรี 1 แก้ว พร้อมแจ้งเตือนว่า “เหลืออีก 1 แต้ม รับฟรีทันที!” เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมา
  • ใช้ฟีเจอร์ Tag ลูกค้า เพื่อส่งโปรเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มที่ชอบเมนูเย็น, กลุ่มที่ชอบมากับเพื่อน

LINE OA เป็นช่องทางที่ไม่เพียงแค่แจ้งข่าว แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “ร้านนี้ใส่ใจ” และพร้อมจะกลับมาอุดหนุนซ้ำ ช่วยเพิ่มยอดขายระยะยาวได้อย่างมั่นคง

✅ สรุป

7 กลยุทธ์นี้จะช่วยให้ร้านคาเฟ่

  • เป็นที่จดจำ
  • สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
  • ขยายฐานลูกค้าใหม่
  • เพิ่มยอดขายได้อย่างยั่งยืน

หากต้องการอ่านบทความอื่นของเรา สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่นี่

seers cmp badge
Scroll to Top

ขอใบเสนอราคา

นัดหมายประชุมการจัดทำเว็บไซต์หรือการทำการตลาดออนไลน์กับเรา