การติดอันดับใน AI Search สรุปได้ง่ายๆ คือ “แค่ทำ SEO ที่ดี” โดยมี “ความแตกต่างที่สำคัญบางอย่าง” ที่จะช่วยให้เครื่องมืออย่าง ChatGPT สามารถจัดทำดัชนีและนำเสนอเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
🤔 GEO/AEO คือ SEO ใหม่จริงหรือ? (ข้อมูลว่าอย่างไร?)
ในวงการ Digital Marketing เราชอบคำย่อมาก! (เช่น GEO – Generative Engine Optimization, AEO – Answer Engine Optimization) บางคนถึงกับบอกว่า GEO จะทำให้ Google หมดความสำคัญ… แต่จริงหรือ?
- Google 🆚 ChatGPT: Google มีการค้นหาประมาณ 16.4 พันล้านครั้ง/วัน เทียบกับ ChatGPT ที่มีเพียง 1 พันล้านครั้ง/วัน (ซึ่งรวมคำสั่งอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการค้นหาด้วย)
- พฤติกรรมผู้ใช้: ผลการศึกษาปี 2025 พบว่า 79.8% ของชาวอเมริกันยังคงเลือกใช้เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิม (Google นั่นแหละ)
- เป้าหมาย: แม้ AI Search จะมาแรง 📈 แต่ก็ยังไม่เข้าสู่กระแสหลักเต็มตัว แต่ถ้าคุณกำลังเล็งกลุ่ม Millennials หรือ Gen Z อาจมีเวลาน้อยกว่า เพราะคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะใช้เครื่องมือ AI ในการค้นหามากกว่า!
✅ ข่าวดี: GEO ไม่ใช่ศาสตร์ใหม่ที่คุณต้องเชี่ยวชาญ แต่เป็นเพียง “เลเยอร์เพิ่มเติม” ที่คุณใส่เข้าไปบน “รากฐาน SEO เดิม” ของคุณ!
🎯 หัวใจสำคัญ: ทำไม AI ถึงเลือกคุณ?
เมื่อเราพูดถึง “AI Search” หมายถึงการติดผลลัพธ์ในเครื่องมือ AI สร้างสรรค์ (Generative AI) เช่น ChatGPT และ Google’s AI Overviews
- กฎข้อแรก: แพลตฟอร์ม AI มักจะดึงข้อมูลจาก ผลการค้นหาที่ติดอันดับสูงสุด และ แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ มาสร้างคำตอบ ดังนั้น SEO ดั้งเดิมที่แข็งแกร่งคือรากฐาน —
SEO ไม่ได้ตายแต่ยิ่งสำคัญกว่าเดิม!
คุณจะไม่ปรากฏในคำตอบของ AI หากเว็บไซต์คุณไม่ติดอันดับที่ดีในการค้นหาทั่วไปก่อน
💰 การวัดผล: การติดตามคลิกจาก AI อาจไม่เป็นประโยชน์ เพราะผู้ใช้ได้คำตอบแล้ว ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการติดตาม “การกล่าวถึงแบรนด์ (Brand Mentions)” โดย AI (เครื่องมืออย่าง Surfer’s AI Tracker ช่วยในส่วนนี้ได้)
📝 Step 1: สร้างเนื้อหาที่ AI รัก (Content That AI Loves)
AI จะเลือกเนื้อหาที่ทำมาเพื่อให้มันเข้าใจได้ง่าย ลองทำตามหลักการเหล่านี้:
- ใช้ภาษาธรรมชาติและเน้นคำถาม (Natural Language & Question-Focused):
- AI ชอบเนื้อหาที่ฟังดูเหมือน ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์กำลังอธิบาย
- แทนที่จะใช้ H2/H3 ว่า “จัดอันดับรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุด” ให้ใช้เป็น “รองเท้าวิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกมาราธอนคืออะไร?” แล้วตอบคำถามนั้นตรงๆ อย่างเป็นกันเอง
- ครอบคลุมเนื้อหาตามหลัก E-E-A-T:
- Experience (ประสบการณ์), Expertise (ความเชี่ยวชาญ), Authoritativeness (อำนาจ), และ Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ)
- เนื้อหาที่จัดระเบียบดีและน่าเชื่อถือ (เช่น มีส่วนและคำถามที่พบบ่อยชัดเจน) จะเพิ่มโอกาสในการถูกรวมในคำตอบของ AI ถึง 37%
- วิธีแสดง E-E-A-T: แชร์ประสบการณ์ตรง/กรณีศึกษา, อ้างอิงแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ, แสดงข้อมูลรับรอง/ความเชี่ยวชาญของคุณ
- ความสมบูรณ์ทางความหมาย (Semantic Richness):
- แทนที่จะย้ำคีย์เวิร์ดเดิมๆ ให้ใช้ คำที่หลากหลาย ที่เกี่ยวข้อง, แนวคิด, และเอนทิตี (Entities) ที่สร้างเครือข่ายความหมายรอบหัวข้อของคุณ
✨ การจัดรูปแบบเนื้อหา (Formatting for AI):
- โครงสร้างที่ชัดเจน: ใช้ลำดับหัวข้อ (H1, H2, H3) ที่ชัดเจนเพื่อแบ่งเนื้อหาเป็นส่วนๆ
- รายการและตาราง: ใช้ Bullet Points หรือ Numbered Lists สำหรับขั้นตอน, เคล็ดลับ หรือรายการ (AI ชอบนำไปอ้างอิงตรงๆ) และใช้ ตาราง สำหรับข้อมูลที่มีโครงสร้าง (เช่น เปรียบเทียบคุณสมบัติ, ราคา)
- FAQ: ใช้ส่วน คำถามที่พบบ่อย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่กระชับที่ AI สามารถแยกวิเคราะห์และนำไปใช้ซ้ำได้ง่าย
⚙️ Step 2: ปรับแต่งทางเทคนิค (Technical Considerations)
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครื่องมือ AI เข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้จริง:
- การรวบรวมข้อมูล (Crawlability):
- ตรวจสอบไฟล์ robots.txt ว่าไม่ได้บล็อก GPTBot ของ OpenAI, Googlebot, และ Bingbot
- ⚠️ Bing มีความสำคัญ: ChatGPT Search ใช้ดัชนีของ Bing ดังนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ส่ง Sitemap ไปยัง Bing Webmaster Tools ด้วย
- ใช้ HTML Text:
- เนื้อหาสำคัญควรอยู่ใน HTML Text ไม่ใช่ซ่อนอยู่หลัง JavaScript หรืออยู่ในรูปภาพ/วิดีโอ (AI จะอ่าน HTML ดิบเป็นหลัก)
- ใส่ Alt Text ที่สื่อความหมายสำหรับรูปภาพ และ บทถอดเสียง (Transcripts) สำหรับวิดีโอเสมอ
- โครงสร้างและความเร็วของเว็บไซต์:
- โครงสร้างเว็บไซต์ที่ชัดเจนช่วยให้ AI เข้าใจความสำคัญของเนื้อหา
- ใช้ Internal Linking ที่สื่อความหมาย – ก็แค่หลักปฏิบัติที่ดีของ SEO อีกแล้ว!
🏷️ Step 3: บทบาทของ Schema Markup (The Role of Schema Markup)
Schema Markup คือชุดคำศัพท์ (Code ที่มองไม่เห็น) ที่บอก AI และ Search Engine ว่าข้อมูลที่คุณนำเสนอคือ อะไรกันแน่
- ความสำคัญ: Schema Markup มีความสำคัญเป็นพิเศษในยุค AI และช่วยขับเคลื่อน Rich Results (เช่น Knowledge Panels) ของ Google
- Schema ที่เป็นประโยชน์:
- Organization Schema: บอก AI เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ (ชื่อ, โลโก้, โซเชียล)
- Article Schema: สำหรับบล็อกโพสต์ บอกวันที่เผยแพร่ ผู้เขียน และหัวข้อ (ช่วยให้ AI ประเมินความน่าเชื่อถือและความเกี่ยวข้อง)
✨ สรุป Schema: การใช้ Schema ไม่ได้รับประกันว่าจะติดอันดับ แต่จะ เพิ่มโอกาสของคุณอย่างมาก โดยทำให้ข้อมูลสำคัญของคุณ ชัดเจนและไม่คลุมเครือ สำหรับเครื่องจักร
🤝 Step 4: สร้างอำนาจและความน่าเชื่อถือ (Authority & Trust Signals)
สิ่งเหล่านี้มีผลโดยตรงต่ออันดับ AI ของคุณ:
- แสดงความเชี่ยวชาญโดยตรง (Demonstrate Expertise):
- ใส่ ประวัติผู้เขียน พร้อมข้อมูลรับรองที่เกี่ยวข้อง, อ้างอิงแหล่งที่มา, และแชร์ กรณีศึกษา/ประสบการณ์ตรง (AI เก่งในการแยกแยะระหว่างเนื้อหาระดับผิวเผินกับความเชี่ยวชาญที่แท้จริง)
- สร้างอำนาจภายนอกเว็บไซต์ (Off-site Authority):
- AI พิจารณาว่าเว็บอื่นพูดถึงคุณว่าอย่างไร
- Backlinks คุณภาพสูง, การกล่าวถึงในสิ่งพิมพ์อุตสาหกรรม, บทวิจารณ์เชิงบวก, และการติดอันดับในรายการ ‘Best of’ จะส่งสัญญาณความน่าเชื่อถือที่มีพลัง
- พัฒนาอำนาจทางหัวข้อที่ครอบคลุม (Topical Authority):
- สร้างเนื้อหาที่ ครอบคลุมทุกแง่มุม ของเฉพาะกลุ่ม (Niche) ของคุณ โดยตอบคำถามทุกประเภทที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอาจถาม
- โอกาสเป็นแหล่งข้อมูล: AI Overviews มักจะอ้างอิงจาก หลายแหล่งข้อมูล (เฉลี่ย 5 แหล่ง) และแหล่งเหล่านี้สามารถมาจาก หลายชิ้นส่วนเนื้อหาในโดเมนเดียวกัน! การครอบคลุมหัวข้ออย่างรอบด้านจะเพิ่มโอกาสในการถูกรวมเป็นแหล่งข้อมูลในคำตอบอย่างมาก
🔑 บทสรุปสุดท้าย
ความลับยิ่งใหญ่ของการติดอันดับ GEO คือ… “ไม่มีความลับเลย” — มีแต่การทำ “พื้นฐาน SEO ที่ดี” เท่านั้น
- สร้างเว็บไซต์และเนื้อหาของคุณราวกับว่าคุณกำลังพยายามสร้างความประทับใจให้ ผู้ตรวจสอบที่เป็นมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะ AI ก็คือการรวมข้อมูลจากผู้ตรวจสอบเหล่านั้นนั่นเอง
- การสร้าง ความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือ ไม่เพียงแต่ช่วย SEO แบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงว่า LLM (AI) จะ “ชอบ” เนื้อหาของคุณพอที่จะนำไปบอกต่อผู้ใช้หรือไม่